วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

การเลือกภาชนะในการปลูก

การเลือกภาชนะในการปลูก

ภาชนะปลูก     
           ภาชนะที่ใช้ในการปลูกกล้วยไม้มีส่วนสำคัญต่อการเจริญงอกงามของกล้วยไม้ ดังนั้นจึงควรจัดภาชนะปลูกให้เหมาะกับการเจริญของรากกล้วยไม้แต่ละประเภท ภาชนะสำหรับปลูกกล้วยไม้มีหลายชนิด ดังนี้ 

กระถางดินเผาทรงเตี้ย     เป็นกระถางดินเผาขนาดปากกว้าง 4-6 นิ้ว สูง 2-4 นิ้ว เจาะรูที่ก้นและรอบกระถาง เหมาะกับกล้วยไม้รากอากาศ เช่น กล้วยไม้สกุลแวนด้า สกุลเข็ม สกุลกุหลาบ สกุลช้าง การปลูกไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องปลูกใดๆ หรืออาจใส่ถ่านไม้ มะพร้าวสับ วางให้โปร่งก็พอ วางต้นกล้วยไม้กลางกระถางแล้วใช้เชือกหรือลวดเส้นเล็กๆ ผูกติดกับก้นกระถาง




กระถางดินเผาทรงสูง     เป็นกระถางดินเผาขนาดปากกว้าง 3-4 นิ้ว สูง 4-5 นิ้ว เจาะรูที่ก้นและรอบกระถางแต่รูน้อยกว่ากระถางทรงเตี้ย เหมาะกับกล้วยไม้ที่ต้องการเครื่องปลูกหรือกล้วยไม้รากกึ่งอากาศ เช่น คัทลียา หวาย โดยปลูกด้วยกาบมะพร้าวอัดเรียงตามแนวตั้งจนแน่น ยึดรากและโคนกล้วยไม้ตรงกลางกระถางให้แน่น





กระเช้าไม้สัก     ทำจากไม้สักหรือไม้ชนิดอื่น นิยมทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส มีขนาดตั้งแต่ขนาด 4x4 นิ้ว ถึง 10x10 นิ้ว เหมาะกับกล้วยไม้รากอากาศ มีต้นใหญ่ รากใหญ่ เช่น กล้วยไม้สกุลแวนด้า สกุลเข็ม สกุลกุหลาบ สกุลช้าง การปลูกด้วยกระเช้าไม้สักภายในไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องปลูกใดๆ หรืออาจใส่ถ่านไม้ก้อนใหญ่ๆ 2-3 ก้อนวางให้โปร่งก็พอ วางต้นกล้วยไม้กลางกระถางแล้วใช้เชือกหรือลวดเส้นเล็กๆ ผูกติดกับก้นกระเช้า 

กระเช้าพลาสติก     เป็นกระเช้าที่ทำจากพลาสติกสีดำ ราคาถูก มีหลายแบบ หลายขนาด แต่ที่นิยมใช้มี 2 ขนาด คือ ขนาดทรงเตี้ยใช้ปลูกกล้วยไม้แวนด้า และ ขนาดทรงสูงใช้ปลูกกล้วยไม้หวาย ลักษณะการปลูกเช่นเดียวกับกระถางดินเผาทรงเตี้ยและกระถางดินเผาทรงสูง 
กฎหมายเกี่ยวกับกล้วยไม้

        กล้วยไม้ไทยสกุลต่าง ๆ สามารถทำการซื้อขายกันได้โดยเสรีแต่การเก็บออกจากป่าจะต้องได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ้ก่อนส่วนการซื้อขายระหว่างประเทศนั้น ตามอนุสัญญาไซเทสกำหนดให้กล้วยไม้สกุลต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์พืชอนุรักษ์ บัญชีที่ 2  เรื่องนี้มีที่มาพอสรุป ได้ดังต่อไปนี้
        สมาชิกสหภาพระหว่างประเทศ เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ และทรัพยากรธรรมชาติได้พิจารณาเห็นว่าสัตว์ป่าและพืชป่าเป็นสิ่งที่มีค่าไม่อาจหามาทดแทนได้หากสูญพันธุ์ไปจึงได้ร่วมกันร่างอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่าง ประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่า  และพืชป่าที่กำลังจะสูญพันธุ์   (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora = CITES) ขึ้น เพื่อให้เกิดความร่วมมือกัน ระหว่างประเทศ อนุสัญญาน ี้มีผลบังคับให้ใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมพ.ศ. 2518 รัฐบาลไทยได้ให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2526 ทำให้เกิดความจำเป็นในการกำหนดมาตรการ และกฎหมายเพื่อบังคับใช้ให้เป็นไปตามข้อบังคับของอนุสัญญานี้ในส่วนของการควบคุมพืชป่านั้น กรมวิชาการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ
        ตามอนุสัญญาไซเทส ได้มีการกำหนดพืชอนุรักษ์เป็น 3 ระดับ โดยขึ้นบัญชีเป็น 3 บัญชี คือ

1. พืชอนุรักษ์บัญชีที่ 1 หมายถึงชนิดพันธุ์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์และมีเหลืออยู่น้อยมากห้ามมิให้นำเข้า ส่งออก ยกเว้น กรณีพิเศษ การนำเข้า ส่งออกซึ่งชนิดพันธุ์ในบัญชีนี้ต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของ ชนิดพันธุ์นั้น ๆ เป็นสำคัญ ตัวอย่างชนิดพันธุ์ใน บัญชีที่ 1 ได้แก่   กล้วยไม้รองเท้านารีทุกชนิด (Paphiopedilum spp.) 
ฟ้ามุ่ย (Vanda coerulea)  เอื้องปากนกแก้ว (Dendrobium cruentum Rchb.f.) เป็นต้น


2. พืชอนุรักษ์บัญชีที่ 2 หมายถึงชนิดพันธุ์ที่มีอยู่ค่อนข้างน้อย แต่ยังไม่ถึงกับใกล้จะสูญพันธุ์มีการ อนุญาตให้นำเข้า ส่งออกได้ แต่ต้องมีการควบคุมที่เหมาะสม ตัวอย่างชนิดพันธุ์ ได้แก่ หม้อข้าวหม้อแกงลิง (Nepenthes spp.)


3. พืชอนุรักษ์บัญชีที่ 3 หมายถึงพันธุ์ที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศสมาชิกอนุสัญญาไซเทส ประเทศใดประเทศหนึ่ง แล้วขอความร่วมมือจากประเทศภาคีให้ช่วยดูแล การนำเข้า ส่งออก ซึ่งชนิดพันธุ์นั้น เช่น ต้นมะเมื่อย (Gnetum montanum) 


        สำหรับกล้วยไม้ทุกสกุลทุกชนิดจัดอยู่ในบัญชีที่ 2 ทั้งหมด ยกเว้นที่ขึ้นบัญชีที่ 1ไว้แล้ว     ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงและการจำหน่ายกล้วยไม้ไปต่างประเทศและการนำเข้าประเทศ พอสรุปได้ดังต่อไปนี้
     (1) การนำเข้า ส่งออก พืชอนุรักษ์และซาก จะต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมวิชาการเกษตร
     (2)ให้มีการจดทะเบียน ถานที่ขยายพันธุ์เทียมพืชอนุรักษ์เพื่อการค้าการขยายพันธุ์เทียมหมายถึงการขยาย พันธุ์ที่ต้องกระทำภายใต้การจัดการและควบคุมสภาพแวดล้อมโดยมนุษย์ เพื่อการผลิตพันธุ์ และต้องคงปริมาณ พ่อ - แม่พันธุ์ไว้ด้วย
      (3) ผู้ที่ขยายพันธุ์เทียมพืชอนุรักษ์ จะต้องขึ้นทะเบียนสถานที่เพาะเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นพืชอนุรักษ์ บัญชีที่ 1 หรือ 2 หรือ 3
      (4) สำหรับการขึ้นทะเบียน สถานที่เพาะเลี้ยงพืชอนุรักษ์บัญชีที่ 1 เจ้าหน้าที่วิชาการพืชอนุรักษ์จะไปตรวจ สอบสถานที่เพาะเลี้ยงว่าถูกต้องหรือไม่ก่อนที่จะออกใบสำคัญการขึ้นทะเบียน
      (5) หนังสือสำคัญ ในการขึ้นทะเบียนพืชบัญชีที่ 1 ฉบับละ 500 บาท มีอายุ 5 ปี สำหรับพืชในบัญชีที่ 2 และ3ยกเว้นค่าธรรมเนียมการขึ้นทะเบียนให้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนที่กองควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร
      (6)การนำเข้าพืชอนุรักษ์จะต้องได้รับ อนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และจะต้องมีหนังสืออนุญาตจากประเทศ ต้นทางกำกับมาด้วย
      (7)ห้ามมิให้ส่งออกพืชอนุรักษ์ในบัญชีที่1ที่ได้จากป่า กเว้นเพื่อการศึกษาทางวิทยาศาสตร์โดยความเห็นชอบ ของเจ้าหน้าที่วิชาการพืชอนุรักษ์และได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
      (8)การส่งออกพืชอนุรักษ์ในบัญชีที่1ที่ได้จากการขยายพันธุ์เทียมผู้ส่งออกจะต้องแสดงหลักฐานของแหล่งที่มา วิธีการยายพันธุ์เทียม หรือหมายเลขใบสำคัญการขึ้นทะเบียนสถานที่ เพาะเลี้ยง พืชอนุรักษ์เพื่อการค้า ต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อขออนุญาตส่งออก
      (9) การส่งออกพืชอนุรักษ์ ในบัญชีที่ 2 สามารถส่งออกได้ทั้งที่เป็นพืชป่าและได้จากการ ขยายพันธุ์เทียมA

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

ประเภทกล้วยไม้


กล้วยไม้ 
         เป็นพืชที่มีระบบราก ไม่เหมือนพืชอื่นๆ  โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท  คือ ประเภทกล้วยไม้ดิน และ                     ประเภทกล้วยไม้รากอากาศ


1)      ประเภทกล้วยไม้ดิน  กล้วยไม้ประเภทนี้ โดยปกติแล้ว จะ
อาศัยอยู่ที่ซากอินทรีย์วัตถุ ที่ตายทับถมเน่าเปื่อยผุพังไปแล้วนานๆตามผิวดิน  และใช้อินทรีย์วัตถุเน่านั้นเป็นอาหารด้วย  เช่น  กล้วยไม้สกุลไฟอัส (Phaius) คือ เอื้องพร้าว  , สกุลฮาเบนาเรีย (Habenaria) ได้แก่ ลิ้นมังกร , สกุล Ludisia  ได้แก่  ว่านน้ำทอง และ สกุลรองเท้านารี (Paphiopedilum) เป็นต้น



2)      ประเภทกล้วยไม้อากาศ  กล้วยไม้ประเภทนี้ มักจะทรงต้นอยู่ได้ด้วยการใช้รากเป็นจำนานมาก  อาศัยเกาะอยู่ตามต้นไม้ กิ่งไม้ คบไม้ และบางชนิดเกาะอยู่กับก้อนหินก็ได้   กล้วยไม้อากาศเหล่านี้ ไม่ได้ดูดน้ำเลี้ยง หรือแบ่งอาหาร  โดยการทำลายหรือทำอันตรายแก้ต้นไม้ที่มันเกาะ   มันเพียงแต่เกาะอยู่เพื่ออาศัยเท่านั้น 

อาหารส่วนใหญ่ของกล้วยไม้รากอากาศ ได้แก่ แร่ธาตุต่างๆที่มีอยู่ในอากาศ  เพราะกล้วยไม้จำพวกนี้มีระบบรากพิเศษ  สามารถดูดแร่ธาตุอาหารที่มีอยู่ในอากาศได้ นอกจากนี้ยังได้พวกอินทรีย์วัตถุต่างๆ ที่เน่าเปื่อนผุพังไปแล้ว ได้แก่ พวกเปลือกไม้ หรือไม้ที่ผุแล้ว เป็นอาหารอีกทางหนึ่งด้วย   ซึ่ง ได้แก่ กล้วยไม้สกุลหวาย (Dendrobium) , สกลุแวนด้า (Vanda) , สกุลเข็ม (Ascocentrum) , สกุลช้าง (Ryhnchostylis) เป็นต้น


      

ประวัติกล้วยไม้

ประวัติกล้วยไม้
          กล้วยไม้เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ในวงศ์ Orchidaceae เป็นไม้ตัดดอกยอดนิยม เนื่องจากมีลักษณะดอก และสีสันลวดลายสวยงาม เป็นไม้ตัดดอกที่มีอายุการใช้งานได้นาน กล้วยไม้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของ

          แหล่งกำเนิดกล้วยไม้ป่าที่สำคัญของโลกมี 2 แหล่งใหญ่ๆ ด้วยกันคือ ลาตินอเมริกา กับเอเชียแปซิฟิค สำหรับในลาตินอเมริกาเป็นอาณาบริเวณอเมริกากลางติดต่อกับเขตเหนือของอเมริกาใต้

           ส่วนแหล่งกำเนิดกล้วยไม้ป่าในภูมิภาคเอเชีย และแปซิฟิค มีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง จากการค้นพบประเทศไทยมีพันธุ์กล้วยไม้ป่าเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อการเจริญงอกงามของกล้วยไม้มาก และกล้วยไม้ป่าที่ในพบในภูมิภาคแถบนี้มีลักษณะเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง แตกต่างจากกล้วยไม้ในภูมิภาคลาตินอเมริกา